เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ได้มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “การพัฒนาศักยภาพ อสม. ศูนย์คนไทยห่างไกลโรค NCDs: ภาวะดื้ออินซูลินและเบาหวาน” โดยความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลลำพูน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน สาธารณสุขอำเภอเมืองลำพูน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับบทบาท อสม. และบุคลากรปฐมภูมิให้สามารถเฝ้าระวังและดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมภายในงานแบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อย โดยแต่ละกลุ่มได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปที่เน้นการฝึกปฏิบัติอย่างเข้มข้น อาทิ การติดตั้งและใช้งานแอปพลิเคชัน META REVERSE เพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพและติดตามพฤติกรรมผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ พร้อมการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับแนวทางป้องกันภาวะดื้ออินซูลินและเบาหวาน โดยทีมวิทยากรจากโรงพยาบาลลำพูน อาทิ นพ.โภคิน ศักรินทร์กุล และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จุดเด่นสำคัญของงานครั้งนี้คือ การฝึกปฏิบัติ “ปัญญาประดิษฐ์ Smart Motion Analysis (SMA) ต่อสู้ NCDs” โดย ผศ.ดร.สืบพงศ์ เฉินบำรุง อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้แนะนำและสาธิตการใช้อุปกรณ์ SMA ที่สามารถตรวจจับและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของร่างกายผู้สูงอายุในแบบ 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และระบบประมวลผลใกล้แหล่งข้อมูล (Edge Computing) โดยอุปกรณ์ SMA จะช่วยให้บุคลากรสาธารณสุขสามารถประเมินความเสี่ยง ปรับรูปแบบการออกกำลังกาย และติดตามผลสุขภาพของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีการบรรยายและฝึกปฏิบัติในหัวข้อ “ป้องกันภาวะแทรกซ้อนเบาหวาน” โดย อ.ชนากานต์ แสงสิงห์ชัย และทีมแพทย์จากโรงพยาบาลลำพูน ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตนเองในกลุ่มเสี่ยง และการป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาวการอบรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ซึ่งประกอบด้วย อสม. เจ้าหน้าที่หน่วยบริการปฐมภูมิ และตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และถือเป็นก้าวสำคัญในการนำนวัตกรรมด้านสุขภาพมาสนับ
สนุนการดูแลสุขภาพชุมชนในระดับพื้นที่ ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยี Smart Motion Analysis มาประยุกต์ใช้ในงานสุขภาพระดับท้องถิ่น ถือเป็นหนึ่งในแนวทางใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาควิชาการ เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และเครือข่ายเทศบาลในพื้นที่ เพื่อผลักดันให้เกิดการดูแลสุขภาพเชิงรุก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมความรู้ให้กับบุคลากรชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ส่งเสริมความร่วมมืออย่างบูรณาการ เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศไทยในระยะยาว