เมื่อจำนวนผู้สูงอายุในสังคมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหาการเคลื่อนไหวบกพร่องและการหกล้มกลายเป็นความท้าทายสำคัญ โครงการ Care Move จึงริเริ่มกิจกรรม พัฒนาท่าทางการออกกำลังกายต้นแบบ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
กิจกรรมนี้มีจุดเด่นที่การนำ เทคโนโลยี Motion Analysis แบบ 3 มิติ มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ท่าทางแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นองศาการเคลื่อนไหว ความสมดุลของร่างกาย หรือแรงที่กระทำต่อข้อต่อ ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ทำให้สามารถออกแบบท่าที่เหมาะสม ปลอดภัย และสอดคล้องกับข้อจำกัดทางกายภาพของผู้สูงอายุได้จริง
กระบวนการออกแบบท่าทางการออกกำลังกาย
การพัฒนาท่าทางต้นแบบเริ่มต้นจากการ ประชุมหารือระหว่างทีมวิจัย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเคลื่อนไหว (Smart Motion Analysis: SMA) เพื่อร่วมกันออกแบบท่าบริหารที่สอดคล้องกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุในแต่ละช่วงวัย
ในขั้นตอนนี้ได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) หลายรอบ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นด้านสรีรศาสตร์ ความเหมาะสมของการเคลื่อนไหว และการเลือกท่าที่สามารถนำไปใช้กับเครื่อง SMA ได้จริง
จากกระบวนการดังกล่าว ทีมวิจัยได้คัดเลือกและพัฒนา ท่าทางต้นแบบไม่น้อยกว่า 15 ท่า โดยจำแนกตามวัตถุประสงค์ เช่น
ท่าพัฒนาการทรงตัว (Balance Training)
ท่าบริหารเพื่อความยืดหยุ่น (Stretching Exercise)
ท่าเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อขาและลำตัว (Strengthening Exercise)
ท่าฟื้นฟูการเคลื่อนไหวข้อไหล่และสะโพก (Joint Mobility Exercise)
แต่ละท่ามีรายละเอียดประกอบครบถ้วน ได้แก่ คำอธิบาย วิธีปฏิบัติ ข้อควรระวัง ภาพประกอบจุดสำคัญ และวิดีโอสาธิต เพื่อให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลสามารถทำตามได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
การวิเคราะห์ท่าทางด้วยเทคโนโลยี Motion Analysis
กิจกรรมนี้มีจุดเด่นที่การนำ เทคโนโลยี Motion Analysis แบบ 3 มิติ และเทคนิค AI-based Pose Estimation มาช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์ท่าทางแต่ละขั้นตอน โดยระบบจะวัดค่าองศาการเคลื่อนไหว ความสมดุลของร่างกาย และแรงที่กระทำต่อข้อต่อสำคัญ เพื่อประเมินว่าท่าทางนั้นมีความเหมาะสมกับสรีรภาพของผู้สูงอายุหรือไม่
ข้อมูลเชิงลึกจากระบบช่วยให้ทีมวิจัยสามารถปรับแต่งท่าทางให้ปลอดภัย ใช้งานได้จริง และสอดคล้องกับข้อจำกัดของผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม เช่น ท่านั่ง ท่ายืน หรือท่าเคลื่อนไหวที่ต้องใช้สมดุล
การทดสอบกับกลุ่มผู้สูงอายุในพื้นที่จริง
หลังจากได้ท่าทางต้นแบบ ทีมวิจัยได้ดำเนินการ ทดสอบภาคสนามร่วมกับกลุ่มผู้สูงอายุในพื้นที่ชุมชนต้นแบบ เช่น ศูนย์ผู้สูงอายุและชมรมส่งเสริมสุขภาพในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน
การทดสอบดำเนินการภายใต้การดูแลของนักกายภาพบำบัด โดยมีการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น ความพึงพอใจ ความเข้าใจในท่าทาง และระดับความเหนื่อยล้า รวมถึงข้อมูลเชิงปริมาณจากระบบ SMA เพื่อประเมินความถูกต้องของการเคลื่อนไหว
ผลการทดสอบพบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่สามารถทำตามได้อย่างปลอดภัย มีความมั่นใจมากขึ้น และรู้สึกสนุกกับการออกกำลังกายผ่านระบบอัจฉริยะ ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน
ผลลัพธ์ที่ได้จากกิจกรรม
ได้ ชุดองค์ความรู้มาตรฐานท่าทางการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ ที่สามารถใช้ในศูนย์สุขภาพหรือครัวเรือน
ได้ ท่าทางการออกกำลังกายต้นแบบอย่างน้อย 15 ท่า พร้อมคู่มือ ภาพประกอบ และวิดีโอสาธิตที่ผ่านการทดสอบจริง
ได้ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์จากระบบ SMA เพื่อใช้วิเคราะห์พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุและปรับปรุงโปรแกรมฝึกในอนาคต
กิจกรรม 1.3 จึงไม่ใช่เพียงการออกแบบท่าบริหาร แต่คือการสร้าง “มาตรฐานใหม่ของการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ” ที่ผสานองค์ความรู้ด้านกายภาพบำบัดเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน