โครงการ Care Move ตระหนักดีว่า ผู้สูงอายุแต่ละพื้นที่มี บริบท สภาพร่างกาย และวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน การพัฒนาเพียงระบบเทคโนโลยีในเชิงทฤษฎีอาจไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีการลงพื้นที่เพื่อติดตั้งระบบ ทดลองใช้งาน และปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละชุมชน
ในครั้งนี้ มีการติดตั้งระบบรวมทั้งหมด 5 จุด Kiosk และ 35 ชุด Home-based ครอบคลุม 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน โดยเสร็จสิ้นการส่งมอบระบบเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568
รายละเอียดพื้นที่ติดตั้ง
จังหวัดเชียงราย
อบต.ม่วงคำ → Home-based 10 ชุด
อบต.หัวง้ม → Home-based 5 ชุด
รพ.สต.แม่ข้าวต้ม → Kiosk 1 จุด
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง → Kiosk 1 ชุด
จังหวัดเชียงใหม่
เทศบาลตำบลเชิงดอย → Home-based 5 ชุด
เทศบาลตำบลน้ำแพร่พัฒนา → Home-based 5 ชุด
จังหวัดลำพูน
เทศบาลเมืองลำพูน → Kiosk 1 จุด, Home-based 4 ชุด
เทศบาลตำบลศรีบัวบาน → Kiosk 1 จุด
เทศบาลตำบลมะเขือแจ้ → Kiosk 1 จุด, Home-based 6 ชุด
รวมทั้งหมด: Kiosk 5 จุด และ Home-based 35 ชุด (40 หน่วยงาน/ครัวเรือน)
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.การประสานงานกับท้องถิ่น
ก่อนการติดตั้ง โครงการได้หารือกับหน่วยงานท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เพื่อทำความเข้าใจถึงความจำเป็น ความพร้อม และบทบาทของแต่ละฝ่าย
2.การติดตั้งอุปกรณ์
ทีมงานนำอุปกรณ์ AI Camera, Smart Motion Analyzer (SMA), Smartwatch และ Dashboard ไปติดตั้งทั้งในศูนย์สุขภาพชุมชน (Kiosk) และในครัวเรือน (Home-based) โดยออกแบบให้ใช้งานง่ายและเชื่อมโยงข้อมูลสู่ฐานกลางได้ทันที
3.การทดสอบและปรับแต่งระบบ
มีการทดสอบการตรวจจับท่าทาง การคำนวณแคลอรี คะแนน Gymbot และระบบแจ้งเตือน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลถูกต้องและผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้จริง
4.การอบรมผู้ใช้งานและผู้ดูแล
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และตัวแทนชุมชนได้รับการถ่ายทอดความรู้ในการใช้งานและการดูแลรักษา เพื่อให้ระบบสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน ไม่หยุดชะงักเมื่อหมดระยะโครงการ
ความสำคัญของการติดตั้ง
การติดตั้งในครั้งนี้สะท้อนแนวคิดว่า “เทคโนโลยีที่ดีต้องเข้าถึงผู้คน” ไม่ว่าจะอยู่ที่ศูนย์สุขภาพชุมชนหรือในบ้าน ระบบ Care Move ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ระบบยังช่วยบันทึกและวิเคราะห์พฤติกรรมการออกกำลังกายแบบเรียลไทม์ เช่น หากผู้สูงอายุหยุดออกกำลังกายต่อเนื่องหลายวัน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนว่ามีความเสี่ยงต่อภาวะร่างกายอ่อนแรง ข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุรายบุคคล แต่ยังสามารถนำไปใช้วิเคราะห์แนวโน้มในระดับชุมชนและนโยบาย
ผลลัพธ์
ผู้สูงอายุมีโอกาสออกกำลังกายได้ อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย
ชุมชนสามารถใช้ข้อมูลเชิงสถิติในการวางแผนส่งเสริมสุขภาพ
หน่วยงานท้องถิ่นมีเครื่องมือที่ทันสมัยในการดูแลผู้สูงอายุ
เกิดต้นแบบที่สามารถ ขยายผลสู่ระดับประเทศ
กิจกรรม 1.5 จึงไม่ใช่แค่ “การติดตั้งเครื่องมือ” แต่คือการสร้างระบบนิเวศด้านสุขภาพที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ากับการใช้ชีวิตจริงของผู้สูงอายุ การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการปูรากฐานสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่เพียงแค่มีสุขภาพดีขึ้น แต่ยังรู้สึกถึงความใส่ใจจากชุมชนและสังคมในวงกว้าง